วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผญากวนกวน สมัยนี้

                   ในปัจจุบันท่านจะเห็นว่ามีการใช้ภาษาไปในทางที่สร้างสรรค์หรือวิบัติไปในวัยรุ่น  ผญาก็เช่นกันก็มีการพัฒนาตามยุคสมัย   ตัวอย่างเช่น

หล่าเอ่ย   คันแม่นน้องฮักอ้าย      ให้มืนตาใส่น้ำแจ่ว
คันแม่นแสบแจ้วแจ้ว      กะส่างแล้วตามึง


หล่าเอ่ย       คันบ่เห็นหน้า   เห็นหลังคาเฮือน   
 กะยังดีเห็นแต่อู้แอ่งน้ำ    พอได้หนังกะติกยิ่ง     สั่นแหลว
 
นางเอย คันว่านาง ฮักอ้าย. ฮักแม่มันแนวได๋
 คันว่าเสร็จเค้าแล้ว   ให้หนีไกลบักฝามือ นางเอย
คันว่าได้กินแล้ว เป็นแนวได๋กะตามซ่าง
 กินให้เหมิดคุอย่าง เทิงซ้างเสือเคลือไม้ ซัดให้เกลี้ยงบ่ให้ยัง
 สิเว้าหยังกล้วยอ้อย ของอร่อยหวานถูกปาก   กินฮอดฮากพุ้นแหล่ว แต่ว่าแข่วหากบ่มี..
 
โอ๋ยน้ออ้ายเอ้ย
คือกินจนมอดเมี้ยน       กินจนเตียนเอาสุอย่าง
 กินฮอดเสือฮอดซ้าง          ได้ฟังแล้วให้หวั่นกลัว
 กินหมากถั่วเทิ้งหมากแข้ง            กินบักแตงกำพวมใหญ่
 กินเทิ้งใบแหละเทิ้งฮาก       จังแมนอยากแต่สิกินแท้น้อ
 อ้ายนี้ ทุกข์ยากฮ้าย กินพิชช่ากับขั่วกุ๊ดจี่ คั่นบ่อกินขั่วกุ๊ดจี่กับพิชช่า กะบ่อทุกข์ปานนี้
อ้ายนี่ทุกข์อยากฮ้าย ย่อนกินไก่ KFC น้ำบ่มีให้เห็น สั่งเป็นแต่แป๊ปซี่
ซ่างมาเบื่อเอาฮ้าย เซ็งหลายพิชซ่าใหญ่ ทั้งเฟรนฟลาย กะได้ เสว็นเซ่น แม่นไอติม
มาลองซีมดูบ้าง ซามมูไร บิ๊กแมค ของร้านแมคโดนัล พอสิเว้าสู่ฟัง
จักอีหยังของข่อย ฝอยหลายมันสิลื่น มาหลงตื่นก่อนแจ้ง บาดได๋แท้แม่นว่าฝัน      หน่ายเด๊...
สุกหนังแม่นหมากหมี้  สุกกีนั้นแม่นหนัง 
 สุกขังนั้นแม่นหอย  สุกมะลำมะลอยแม่นปั้นดอกข้าวกี
 
 
มาบัดนี้ผญาสิลา  ขอฝากพ่อแม่พี่น้อง
อ่านแล้วได้สุขใจ    คั้นผิดพลาดประการ
ขออภัยทุกท่าน   ขอให้สุขสำราญ
เปรมปรีพร้อมสู่คน  คั้นแม่นมีโอกาส
มื้อหน้าพอกันใหม่   มื้อนี้ขอจากไกล
ขอกล่าวคำว่า   " สวัสดี "
 
( ที่มา บ้านมหา ดอดคอม )

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผญา เกี้ยวพาราสี (วิชาจีบสาว)

           จะขอยกตัวอย่าง  ผญาเกี้ยวพาราสี  เป็นการเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาวคนอีสานแต่ละท้องถิ่นที่แตกต่างกันไป เช่น

นางเอ้ย พี่นี้ปลอดอ้อยซ้อย
เสมออ้อยกลางกอ กาบกะบ่ห่อ
หน่อน้อยกะบ่อซอน ชู้บ่ช้อนเมียอ้ายบ่มี นางเอ้ย
แปล่วา    พี่นี้ยังเป็นโสด ไร้คู่ใจเหมือนต้นอ้อยกลางกอ จึงได้มุ่งหมายมารักน้อง
 
ได่ยินเสียงจ้อยๆๆส่งเสียงมาตามสาย
 ฮู้บ่วาใจของชายคึดฮอดหลายเด้นำเจ้า
 อยากได่ยินคำเว้าของเจ้าทุกเช้าค่ำ
แต่กะคือมีกรรมบุญผลาของอ้า
 ชายนั้นได่แต่คอยซั่นแร่ว นางเอ๋ย!
แปลว่า  ได้ยินเสียงตามสาย ใจชายคึดถึงน้อง
อยากได้ยินเสียงเธอทุก    ก็เหมือนมีกรรมที่พี่นั้ได้แต่คอย
 
             น้องบอเชื่อ ดอกอ้าย
ต้นไม้ใหญ่ บอมีผี บ่าวผุดี บอมีซู้
เป็นไปได้แมนจังได๋ น้องบอเซือดอกอ้าย
ความเว้าลาย อ้ายมาจ๋า แนวบอเห็นกับตา
ย้านบอจริงคือความเว้าแนวผุสาวอ้ายมีแล้ว
บอแมนแนวดอกเด๊พี่ คั่นแมนเว้าอีหลี
ลองสาบานเบิงเกิ่นน่า ให้ฟ้าผ่าคั่นแมนตั๊วเด๊
แปลว่า    น้องไม่เชื่อพี่ ว่าชายหน้าตาดีจะไม่มีแฟน 
ถ้าพี่พูดจริงมาสาบานให้ผ่าตายถ้าโกหก
 
 
อ้ายเอ้ย เห็นอ้ายมาเว้าเกี้ยว
เที๊ยวมาให้หมาเห่า หาหยอกสาวบ้านนั่น
หาหยอกสาวบ้านนี่ มาเรื่อยอยู่บอเซา
คั่นอ้ายมาแค่อยากเว้า เซาเซาน้องบอเซื่อ
จังแมนโพดเอาเหลือ หย่างหาเลาะอ้อมบ้าน
จนขี้คร้านอยากเว้านำ นี่แหล่วอ้ายเอ้ย
 
แปลว่า  เห็นพี่เที่ยวมาพูดให้หมา  หยอกสาวบ้านนั้นคน  บ้านนี้คน 
มาเรื่อยๆจนไม่อยากพูดด้วย

 
 
( ที่มา  บ้านมหา  ดอดคอม )
 

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ที่มา ผญา

       ในแถบที่ราบสูงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ชึ่งยังมีดินแดนแห่งอารยธรรมที่มีจารีตขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันเก่าแก่มาแต่บรรพกาลแห่งหนึ่งของสยามประเทศ  นอกจากนี้ยังมีภาษาที่เอกลักษณ์ของตนเองเรียกว่า "ภาษาอีสาน "เป็นการสืบเชื่อสายมาจากอาณาจักรล้านช้าง ชึ่งคือประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปัจจุบัน
       ผญา เป็นคำที่คนไทยในท้องถิ่นภาคอีสาน  ใช้พููดกันเพื่อแสดงถึงภูมิปัญญาของผู้พูด   ผญา เป็นวรรณกรรมมุขปาฐะประเภทผญาหรือ คำคม  สุภาษิตท้องถิ่นอีสาน   ไม่มีความเป็นมาอย่างไรหรือใครเป็ผู้ให้กำเนิด  ว่ามาจากที่ใดหรือใครเป็นผู้ริเริ่ม  แต่อย่างไรก็ตาม  ที่มาของผญาสามารถสรุปได้ดังนี้
         1.คำสั่งสอนและศาสนา
         2.ขนบธรรมเนียมประเพณี
         3.การเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว
         4.การละเล่นของเด็ก
         5.สภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์ต่างๆในวิถีชีวิต

                     สามารถแบ่งประเภทใหญ่ๆได้ ๔ ประเภท ดังนี้
        1.ประเภทคำสอน  เรียกว่า  ผญาคำสอนหรือผญาภาษิต
        2.ประเภทเกี้ยวพาราสี  เรียกว่า  ผญาเครือ,ผญาย่อย หรือ ผญาตอบโต
        3.ประเภทปริศนา  เรียกว่า  ผญาปริศนา-ปัญหาภาษิต
        4.ประเภทอวยพร  เรียกว่า  ผญาอวยพร


(ขอขอบคุณ: คณะคุรุศาสตร์  มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชมหาวิทยาลัย )